เมื่อกฎหมายไม่อาจป้องสุจริตชน ผู้รักสันติก็ต้องตั้งกองกำลังป้องกันตนเอง

ข่าวสองสามข่าวที่เกิดขึ้นในช่วงไม่นานที่ผ่านมา ชี้ชัดว่า วันนี้ประเทศไทยได้กลายเป็นบ้านเมืองที่ไร้ขื่อแปไปเรียบร้อยแล้ว

กรณี นายอลงกรณ์ พลบุตร
รมต.กระทรวงพาณิชย์ ส่งกองกำลังของกระทรวง ฯ ที่ถ้าดูกันจริง ๆ
แล้วน่าจะถือได้ว่า เป็นกองกำลังส่วนตัวของนายอลงกรณ์เองก็ว่าได้
ไปทำการโจมตี ถล่มผู้ค้าสินค้าละเมิดลิขสิทธิ
(ตามข้อกล่าวหาของนายอลงกรณ์) จับกุมตัว
เก็บสินค้าของเอกชนที่อ้างว่าละเิมิดลิขสิทธิ เอาขึ้นรถไป

การกระทำ
แบบนี้ อาจถือได้ว่า เป็นการปล้นทรัพย์ก็ได้
ถ้าจะมีการเอาเรื่องกันจากผู้เสียหาย เพราะนายอลงกรณ์
ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมาทำการจับกุม ในฐานะเจ้าพนักงานตามกฎหมาย
ไม่ใช่ส่งใครก็ไม่รู้ ไปไล่จับเขา มันทำไม่ได้
คนของกระทรวงพาณิชย์ที่เข้าไปทำการจับกุมนั้น
ไม่น่าจะใช่เจ้าพนักงานตามกฎหมายแต่ประการใด และวิธีการนั้น
ถ่อยเถื่อนเหมือนการ์ดพันธมิตร ลุยก่อนพูด

แต่ที่น่าสนใจก็คือ
โดนเจ้าของสินค้าโจมตีตอบโต้กลับ จนเกิดการบาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย
และตำรวจก็ยังแนะนำให้แจ้งความในข้อหาปล้นทรัพย์
เพราะเข้าองค์ประกอบอีกด้วย

หรือการที่ นายจรัญ ภักดีธนากุล
ของบประมาณจ้างหน่วยรักษาความปลอดภัยให้ตนเอง และหน่วยงานของศาลรัฐธรรมนูญ
ทั้งๆ ที่ก็มีอยู่ทั่วบริเวณที่ทำการอยู่แล้ว แต่ต้องการเพิ่มขึ้น
จะจ้างเพื่ออะไร ก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจ เพราะใครจะไปรู้ว่า
กลุ่มคนพวกนี้ อาจจะกลายเป็นกองกำลังเชิงรุกให้กับกลุ่มนายจรัญ
และหน่วยงานของเขาหรือไม่

ไม่แน่ว่า
อาจจะมีข่าวการบุกจับคนที่ไม่เห็นด้วย
กับการตัดสินของหน่วยงานนายจรัญด้วยข้อหาอะไรก็ตามที่กำหนดขึ้น
อ้างว่าจะนำไปส่งตำรวจบ้างก็ได้ แทนที่จะใช้กำลังตำรวจตามที่สมควรจะเป็น

หรือการที่ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อเผด็จการศักดินาอำมาตย์
ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล มีทีมงานการ์ดและนักรบศรีวิชัย ที่ติดอาวุธ
พร้อมทั้งมีด ไม้ ปืน ระเบิดบุกเข้ายึดสนามบิน ทำเนียบ กันอย่างเปิดเผย
ตำรวจจับกุมได้พร้อมอาวุธมากมาย

ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการมีกองกำลังส่วนตัว และเ็ป็นกองกำลังติดอาวุธด้วย มีหลักฐานชัดเจน

ที่น่าสงสาร คือกองกำลังหน่วยการ์ดของกลุ่มคนเสื้อแดง
เป็นกองกำลังที่ไม่ได้พกปืน ระเบิด มีด แก๊สน้ำตา
มีแต่ไม้ท่อนที่หาได้แถบการชุมนุม
ขวดเครื่องดื่มความจริงวันนี้ใส่น้ำมันก๊าดเท่านั้น

แต่วันนี้ถูก
รัฐบาลมาร์กเมือก พร้อมทั้งสื่อมวลสัตว์ กองทัพ
และบรรดากลุ่มเผด็จการศักดินาอำมาตย์ ผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหลาย
ใส่ร้ายป้ายสี ยัดเยียดข้อหาสร้างความวุ่นวายก่อการจลาจลให้ ทั้งๆ ที่
เมื่อวิญญูชนทั้งหลาย
เปรียบเทียบกับการกระทำจลาจลทีั่่ชัดเจนของกลุ่มการ์ดพันธมิตรแล้ว
ก็เหมือนเด็กๆ เล่นพระเอกผู้ร้ายกับมหาโจร
ที่ยกกำลังอาวุธมาทำการปล้นทรัพย์ ต่างกันชัดเจนขนาดนั้น

ทุกวันนี้
คือคนเสื้อแดงยิ่งโกรธแค้น ชาวบ้านที่รักความจริง ไม่มีใครเชื่อการตอแหล
จับกลุ่มด่ากันขรมทั้งในเมืองและชนบท จนต้องส่งพลเอกออกไปแก้ข้อกล่าวหา
แต่ก็ถูกประท้วงเงียบ ไม่มีใครสนใจ เดินออกจากห้องแห่งความหลอกลวงนั้นจนหมด

ที่
หน้ามืดตามัวกัน ก็เหลือแต่สาวกของกลุ่มพวกตน และกลุ่มมาร์กเมือกเอง
ที่พยายามตอแหลกันต่อไปเท่านั้น นอกนั้นเขาเห็นชัดว่า
มันเป็นเรื่องของคนไม่มีปืน
ลุกยืนขึ้นสู้กับกองกำลังพิทักษ์เผด็จการศักดินาอำมาตย์ต่างหาก

ความจริงนั้นยืนยง ความเท็จเพียงไม่นานก็จะถูกเปิดโปง มันชัดขึ้นทุกที หลังจากฝุ่นควันที่สร้างกันขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนลอยตัวหายไป

ปฐม
เหตุที่ประชาชนผู้รักความจริงรู้กันอยู่ทั่วไป ก็คือ
กลุ่มการ์ดคนเสื้อแดงที่ดินแดงนั้น ต้องจับอาวุธขึ้นสู้
ก็เพราะถูกทหารจากกรมทหารราบที่ ๒ รอ. (2nd Infantry Queen’s Guard)
เข้าถล่มยิงกราดที่ดินแดงด้วยอาวุธสงคราม อย่าง ปลย. M16 ปพ. ปืนลูกซอง
ฯลฯ เหมือนกำลังรบกับข้าศึกที่ถือปืน AK 47 สู้กับพวกตนในสนามรบ

เป็นการต่อสู้ที่เอาเปรียบอย่างน่าทุเรศ และแสดงอาการหน้าตัวเมียชัดเจนมาก คือมีกำลังไฟข้างเดียว แต่ไล่ยิงเขาเหมือนล่าสัตว์

ที่
อุบาทว์เป็นอย่างมาก และแสดงความไร้ประสิทธิภาพของทหารไทยก็คือ
เริ่มตั้งแต่ตีสี่ไปยันบ่ายสอง เป็นสิบชั่วโมง
ก็ยังไม่มีปัญญาเคลียร์พื้นที่ได้เด็ดขาด
กลุ่มการ์ดคนเสื้อแดงที่ไปยันการบุกของทหารกรมนี้ ยันไว้ได้จริงๆ
ต้องวิ่งพล่านกันทั้งกรม อยู่แถวราชปรารภ ไปไหนไม่ได้ไกลจากนั้น

ผู้
อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ทหารหน่วยนี้ ประกาศจะปิดซอยหนึ่ง
แล้วยิงทิ้งให้หมด แต่เอาจริงๆ ก็ไม่กล้าเข้าไป
เพราะกลัวโดนซุ่มโจมตีด้วยระเบิดเพลิงทำเอง ได้แต่คุมเชิงอยู่ปากซอย
ถือปืนกร่างอยู่เท่านั้น จนทางคนเสื้อแดงดินแดง ยุติการต่อต้านเอง

เดินทางกลับมาที่เวทีข้างทำเนียบ ก็ใช้วิธีเอาโจรสีน้ำเงินและสีเหลือง ซุ่มโจมตี จนมีคนนอกที่ทนไม่ได้กราดยิงพวกนั้นร่วงไปหลายคน

ที่ขอแสดงความเห็นก็คือ เมื่อบ้านเมืองมันไม่มีขื่อมีแปกันแล้วอย่างนี้ คนเสื้อแดงก็ควรมีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะป้องกันตัวเอง

เพราะขนาดกระทรวงพาณิชย์ หน่วยงานของนายจรัญ พวกโจรสีเหลือง ฯลฯ ยังตั้งกองกำลังของตัวเองได้

แล้ว
มันผิดตรงไหน ที่ภาคประชาชนทั่วไป จะตั้งกองกำลังป้องกันตัวเองขึ้นมาบ้าง
นี่คือการป้องกันตัวโดยชอบตามกฎหมาย เพราะไม่ถูกต้อง
ที่จะปล่อยให้คนที่ไม่เคารพกฎหมายขื่อแปของบ้านเมือง
รวมทั้งพวกทหารหน้าตัวเมียที่เอียงข้างชัดเจน ทำร้ายเอาข้างเดียว
บาดเจ็บก็ไม่มีทางเอาผิดผู้กระทำได้ เพราะกฎหมายไม่อาจปกป้องสุจริตชน
และผู้รักสันติ เรียกร้องความถูกต้องได้อีกแล้ว

ในวันนี้
สิ่งที่ปรากฏขึ้นมันชัดเจนอย่างนี้ ก็สมควรที่ประชาชนจะต้องป้องกันตนเอง
บ้านเมืองมันไม่ีมีขื่อไม่มีแปแล้ว
ถ้าเรายังหวังอะไรที่เป็นไปไม่ได้มาช่วยเหลืออีก ก็เสียเวลาเปล่าๆ

ป้องกันตัวเองได้ไม่ผิด ไม่ว่าจะในทางกฎหมายหรือคุณธรรมใด ๆ