กก.
สมานฉันท์ฯ ประชุมนัดแรกกำหนดกรอบเวลาทำงาน 45 วัน รัฐสภา 7 พ.ค.-
ประชุมกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นัดแรกกำหนดกรอบการทำงาน 45 วัน พร้อมรับฟังความเห็นของประชาชน
เล็งตั้งอนุกรรมการฯ เพื่อให้งานเดินได้เร็วขึ้น ขณะที่
“ภูมิใจไทย-ชาติไทยพัฒนา” เสนอประเด็นแก้รัฐธรรมนูญแล้ว
ผู้สื่อข่าว
รายงานว่า เวลา 13.30 น.วันนี้ (7 พ.ค.)
คณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ประชุมนัดแรก โดยมีนายดิเรก ถึงฝั่ง ประธานกรรมการฯ
ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ทั้งนี้ ที่ประชุมใช้เวลาเกือบ 3 ชั่วโมง
กำหนดกรอบเวลาและแนวทางการทำงานของคณะกรรมการฯ
นายสมศักดิ์
เกียรติสุรนนท์ กรรมการในสัดส่วนพรรคเพื่อไทย เสนอให้ทุกฝ่ายถอดสี
และถอดทิฐิ ร่วมแก้วิกฤตประเทศ
และใช้เวลาศึกษารัฐธรรมนูญในประเด็นสำคัญที่เป็นปัญหาพร้อมทำประชามติก่อน
แก้ไขรัฐธรรมนูญ ในกรอบเวลา 90 วัน หลังจากนั้นให้ยุบสภา
จัดการเลือกตั้งใหม่ และแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับในภายหลัง
ขณะที่นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง กรรมการฯ ในสัดส่วนผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่เห็นด้วย
เพราะเกรงว่าจะขัดรัฐธรรมนูญ
ด้านนายเสนาะ เทียนทอง
หัวหน้าพรรคประชาราช ที่ปรึกษาคณะกรรมการฯ กล่าวว่า
การรับฟังความคิดเห็นของประชาชน จะทำให้เกิดความแตกแยกของคณะกรรมการฯ
มากขึ้น ซึ่งการทำประชามติ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลไม่ใช่คณะกรรมการฯ
พร้อมเรียกร้องทุกฝ่ายร่วมมือกัน เพราะจะแก้ปัญหาได้
โดยเห็นว่ารัฐธรรมนูญมีอยู่หลายฉบับ เพียงแค่ออกบทเฉพาะกาล อภัยโทษ
หรือนิรโทษกรรม ปัญหาทุกอย่างก็จะจบลง
นายเสนาะ
ยังเรียกร้องให้กรรมการทำหน้าที่สำคัญอย่างดีที่สุด
เพื่อนำไปสู่ความสมานฉันท์ สลายทุกสี และนอกจากจะปฏิรูปการเมืองแล้ว
ควรปฏิรูปคนให้มากที่สุด เพื่อให้สังคมไทยกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้
เห็นควรให้แก้ไขในส่วนของอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้น้อยลง
เนื่องจากที่ผ่านมาถูกตั้งข้อสังเกตว่า มีการรับผลประโยชน์ โดยใบเหลือง 10
ล้าน ใบแดง 20 ล้าน
นายดิเรก กล่าวว่า คณะทำงานจะมีกรอบการทำงาน 45
วัน และสามารถยืดหยุ่นได้ โดยกำหนดให้มีการประชุม 3 วันต่อสัปดาห์ คือ
อังคาร พุธ และพฤหัสบดี นัดประชุมครั้งต่อไปอังคารที่ 12 พฤษภาคมนี้ เวลา
09.00 น.
พร้อมยืนยันจะรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและสรุปความคืบหน้าในการทำงานทุก
15 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ขณะนี้พรรคภูมิใจไทยและชาติไทยพัฒนาได้เสนอประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้คณะ
กรรมการแล้ว โดยข้อที่เห็นตรงกัน คือ ควรแก้ไขที่มาของ ส.ส. และ ส.ว.
ต้องมาจากการเลือกตั้งเหมือนรัฐธรรมนูญปี 2540 การยุบพรรคมาตรา 237
เรื่องการทำสนธิสัญญากับต่างประเทศ มาตรา 190 รวมทั้งการแก้ไขมาตรา 265
และ 266 ให้ ส.ส. เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
นายดิเรก
ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ว่า
การประชุมครั้งนี้ได้ผลดีเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้
เพราะเดิมคิดว่าคงจะมีการถกเถียงกันมาก แต่คณะกรรมการฯ
แต่ละคนอภิปรายในเนื้อหาล้วนๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี
แม้ผลการประชุมนัดแรกจะได้ข้อสรุปเพียงแค่กรอบการทำงานเท่านั้นก็ตาม
แต่ก็พอที่จะทำให้คณะกรรมการฯ
เห็นแนวทางที่จะทำให้คนในชาติเกิดความสมานฉันท์ได้
การประชุมครั้งต่อไปคณะกรรมการจะตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาดำเนินการพิจารณา
3 เรื่องใหญ่ๆ คือ แนวทางสมานฉันท์ การปฏิรูปการเมือง
และการศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว โดยอนุกรรมการฯ
ที่จะตั้งขึ้นเบื้องต้นวางแนวทางไว้ว่าจะตั้งคณะละ 18 คน แบ่งเป็นคนนอก 6
คน
และให้สัดส่วนกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและการศึกษาการแก้ไข
รัฐธรรมนูญ 12 คน. -สำนักข่าวไทย